FIFA

ถ้าเป็นแฟนบอลที่ชอบเล่นเกมแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จักกับสุดยอดเกมระดับตำนานอย่าง FIFA อย่างแน่นอน เป็นแฟรนไชส์วิดีโอเกมที่มีชื่อเสียงและประวัติศาสตร์ที่ยาวนานตั้งแต่ยุคเครื่องเกม 16-bit  และวิดีโอเกมเวอร์ชันแรกของ FIFA คือเกม FIFA 94 บนเครื่อง Mega Drive ที่นำเสนอเกมฟุตบอลในมุมมองแบบ Isometric (มุมมองแนวเอียง)

ตำนานสุดยอดเกมฟุตบอล FIFA ที่ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด

FIFA ผลงานของสตูดิโอ EA Sports (Electronic Arts) เป็นแฟรนไชส์วิดีโอเกมที่มีชื่อเสียงและประวัติศาสตร์ที่ยาวนานตั้งแต่ยุคเครื่องเกม 16-bit เคียงคู่กับเกมฟุตบอลจากค่าย Konami มาทุกยุคทุกสมัย โดยปัจจุบันอยู่ในเครื่อง Next Gen อย่าง PlayStation 5 และ Xbox Series X แล้ว

ในขณะที่เกมจากสตูดิโอญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแปลงชื่อมาโดยตลอด ซึ่งเริ่มตั้งแต่ Perfect Eleven จนมาถึง Winning Eleven (และ Goal Storm) เมื่อเข้ายุคสมัยเครื่อง PlayStation ก่อนจะพัฒนามาเป็น Pro Evolution Soccer หรือ PES และปัจจุบันคือ eFootball แต่สำหรับซีรีส์ FIFA แล้วพวกเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงชื่อนี้เลย

วิดีโอเกมเวอร์ชันแรกของFIFA คือเกมFIFA 94 บนเครื่อง Mega Drive ที่นำเสนอเกมฟุตบอลในมุมมองแบบ Isometric (มุมมองแนวเอียง) ที่แปลกและแตกต่างจากมุมมองแบบ Bird’s Eye View (มุมมองนก), Side View (มุมมองแบบด้านข้าง) และ Top-down (มุมมองจากด้านบน) ตามเกมฟุตบอลในยุคสมัยเดียวกัน

ทั้งนี้ แม้ว่าตัวเกมจะไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรมากนัก เพราะนอกจากโหมดการเล่นที่มีแค่ทีมชาติลงแข่งกันแถมยังเต็มไปด้วย Bug แต่ด้วยความมุ่งมั่นของ EA Sports ที่ต้องการจะสร้างเกมฟุตบอล (หรือ Soccer ในความหมายของพวกเขา) ให้ประสบความสำเร็จเหมือนที่ทำไว้กับเกมอเมริกันฟุตบอล Madden NFL ทำให้พวกเขาสานต่อเกมในซีรีส์นี้มาทุกปี โดยใช้ชื่อของFIFA หรือสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติมาเป็นตัวชูโรงเสมอ

นั่นเพราะนอกจากจะเป็นชื่อที่ทำให้นึกถึงฟุตบอลได้ง่ายแล้ว ความร่วมมือกับ FIFA ยังมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเกม รวมถึงในเรื่องของการประสานลิขสิทธิ์ต่างๆ ที่ต้องใช้ในเกมด้วย ซึ่งเรื่องหลังนั้นกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาเกมฟุตบอลในระยะหลัง

EA Sports ได้จุดขายที่แข็งแกร่งสำหรับเกม 

ขณะที่FIFA ก็ได้เงินสนับสนุนจำนวนมหาศาลในทุกปี และแฟนๆ ก็ได้เล่นเกมฟุตบอลท่ีสนุกและสมจริงทั้งชื่อรายการ ชื่อนักฟุตบอล และชื่อทีม เรียกได้ว่าสมประโยชน์กันทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายแรกที่สร้างรายได้มากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 6.8 แสนล้านบาทในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นยุคทองของเกมแฟรนไชส์นี้

อย่างไรก็ดี ความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างช้านานนั้นได้ถึงจุดสิ้นสุดลง เมื่อ EA Sports ได้ประกาศข่าวว่านับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป เกมฟุตบอลของพวกเขาจะมีชื่อว่า ‘EA Sports FC’ ไม่ใช่ FIFA อีกต่อไป พร้อมกับกระแสไวรัลบนโลกโซเชียลมีเดีย เมื่อสโมสรฟุตบอลมากมายทั่วโลกรวมถึงลีกฟุตบอลต่างโพสต์ภาพพร้อมกับข้อความที่สื่อว่าพวกเขาจะไปปรากฏตัวในเกมแฟรนไชส์ใหม่นี้

นั่นหมายความว่าตำนาน เกม FIFA ที่มีมาต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่คริสต์มาส 1993 (ตามธรรมเนียมแล้วFIFA จะเรียกเวอร์ชันเกมในอีกหนึ่งปีข้างหน้าเสมอ เช่น เปิดตัว 2021 ก็จะเป็นFIFA 22) จะปิดตัวลงอย่างเป็นทางการ หลังมีอายุยืนยาวมากว่า 29 ปี

เรื่องนี้ถือเป็นข่าวใหญ่อย่างมากในวงการเกม และถือเป็นข่าวใหญ่ของวงการฟุตบอลเช่นเดียวกัน เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคนี้เกมFIFA นั้นเป็นส่วนหนึ่งของโลกลูกหนัง มีจุดเชื่อมโยงระหว่างกันมากมาย แม้กระทั่งการจัดการแข่งขันเกมก็มีนักฟุตบอลจริงๆ เข้าร่วมแข่งขันด้วย

คำถามคืออะไรที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจที่จะยุติความร่วมมือกันเพียงเท่านี้?

ตามรายงานจาก The New York Times ระบุว่าสาเหตุนั้นเกิดจากข้อเรียกร้องในสัญญาฉบับใหม่ที่FIFA ต้องการจาก EA Sports (สัญญาฉบับเดิมนั้นเซ็นกันไปเมื่อ 10 ปีก่อน) นั้นมีมูลค่าที่สูงขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก

ตัวเลขเดิมที่FIFA ได้รับจากสตูดิโอเกมดังคือปีละ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5.1 พันล้านบาท แต่ตัวเลขที่เรียกร้องใหม่นั้นสูงกว่าเดิมถึงเกือบ 2 เท่า

เมื่อความคาดหวังไม่ตรงกัน การเจรจาที่กินระยะเวลายาวนานหลายเดือนจึงไม่มีความคืบหน้าและจบลงด้วยการแยกทาง

ในมุมมองของFIFA แล้ว พวกเขาคิดว่าการมอบสิทธิ์ให้ EA Sports แต่เพียงเจ้าเดียวนั่นหมายถึงการตัดโอกาสที่จะสร้างรายได้จากโลกดิจิทัล (เหมือนในเกม Fortnite หรือ Roblox) ซึ่งมีเกมจากสตูดิโออื่นๆ ที่มีศักยภาพที่สร้างรายได้ให้อย่างมากมายมหาศาล ดังนั้นนอกจากตัวเลขเงินมหาศาลแล้ว ยังไม่ขอสงวนสิทธิ์ในชื่อนี้ให้แก่แฟรนไชส์เกมเดียวด้วย

จุดนี้คือสิ่งที่ทางด้าน EA Sports มองว่า ‘ล้ำเส้น’ ไปมาก พวกเขาไม่อาจยอมรับกับการที่จะมีเกมที่มีชื่อ FIFA อื่นๆ ปรากฏตัวอีก

สิ่งที่น่าสนใจคือในช่วงที่ผ่านมาFIFA ได้มีการเจรจากับสตูดิโอที่จะขอใช้สิทธิ์ในเกมฟุตบอลหลายเกม และมีการเซ็นสัญญาร่วมกันแล้วโดยเตรียมที่จะออกวางจำหน่ายในปีนี้ เพียงแต่เกมเหล่านั้นจะไม่ใช่เกมฟุตบอลที่สมจริงในระดับเดียวกับผลงานของ EA Sports ที่มีการพัฒนาต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปี

คาดว่าเกมฟุตบอลที่มีความสมจริงในระดับที่จะลงแข่งขันกับ EA Sports ได้จะมีขึ้นในปีหน้า และตามคำบอกของ จานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติแล้วFIFA สัญญาว่าเกมใหม่นี้จะเป็นเกมฟุตบอลที่ดีที่สุดสำหรับชาวเกมเมอร์และแฟนบอลเลย

ในขณะเดียวกัน อินฟานติโนยังเผยว่าอาจจะมีการนำชื่อFIFA มาใช้ในเกมของตัวเองด้วย หรือพูดง่ายๆ คือปกเกมจะเป็นFIFA แต่ไส้ในจะไม่เหมือนเดิม และด้วยเหตุผลนี้ทำให้ทางด้าน EA Sports จึงตัดสินใจทิ้งชื่อเกมFIFA และนำองค์ความรู้รวมถึงสายสัมพันธ์กับองค์กรต่างๆ ไปสร้างแฟรนไชส์เกมใหม่ในชื่อ EA Sports FC ซึ่งทางค่ายให้คำมั่นสัญญาว่าเกมนี้จะเป็น ‘อนาคตของเกมฟุตบอล’

ปัจจุบัน EA Sports FC มีพาร์ตเนอร์มากกว่า 300 แห่งทั่วโลกกีฬาที่เซ็นสัญญามอบลิขสิทธิ์ให้ และพวกเขาพร้อมที่จะนำแฟนเกมฟุตบอลไปสู่ประสบการณ์ใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม และสิ่งที่ EA Sports ให้คำสัญญาต่อแฟนเกมที่มีจำนวนมากกว่า 150 ล้านคนว่าเกมใหม่ในขวดเหล้าเก่าจะยังมีสิ่งเหล่านี้อยู่

  • ประสบการณ์การเล่นที่ยอดเยี่ยมแบบเดิม
  • โหมดการเล่นต่างๆ โดยเฉพาะโหมดยอดฮิตอย่าง Ultimate Team, Career Mode, Pro Clubs และ Volta Football
  • การแข่งแบบลีกและทัวร์นาเมนต์
  • สโมสรมากกว่า 700 ทีม นักฟุตบอลมากกว่า 19,000 คน สนามมากกว่า 100 แห่ง กับการแข่ง 30 ลีกทั่วโลก (รวมถึงพรีเมียร์ลีก และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก) ทุกอย่างจะยังอยู่เหมือนเดิม

ในความเห็นของนักวิเคราะห์มองว่าหมากตานี้ EA Sports เป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ “EA จะเดินหน้าต่อไป พวกเขามีทุกอย่างที่จะสร้างเกมฟุตบอลที่ดีเยี่ยมได้ แต่ FIFAมีอะไร? พวกเขามีแค่ชื่อ แล้วอย่างไรต่อ?”

การที่สโมสรและลีกฟุตบอลต่างๆ พากันประกาศ ‘เลือกข้าง’ ว่าพวกเขาอยู่ข้างสตูดิโอเกมมากกว่าองค์กรอย่าง FIFAนั้นก็เป็นการส่งสัญญาณที่น่ากลัวว่าสิ่งที่พวกเขาคิดและเชื่ออาจจะไม่ได้ง่ายแบบนั้นเสมอไป

การเป็นอิสระจากFIFA ยังทำให้ EA Sports สามารถที่จะร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งหลังการเปิดตัวเกมใหม่ก็มีเสียงตอบรับจากพรีเมียร์ลีกและแชมเปียนส์ลีก ที่จะร่วมมือกันอย่างแน่นอนในการทำธุรกิจ ซึ่งก่อนนี้สัญญากับFIFA ทำให้ค่ายเกมไม่มีอิสระที่จะเลือกพันธมิตรทางธุรกิจได้

หลังจากนี้ EA Sports จะเฟ้นหาพาร์ตเนอร์ไม่ว่าจะเป็นบริษัท หรือแบรนด์

เพื่อทำธุรกิจร่วมกัน โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือแฟนเกมจำนวนกว่า 150 ล้านคนในมือ ลองจินตนาการตามง่ายๆ ได้ว่าแฟนเกมที่กำลังเล่นเกมอยู่สามารถกดสั่งซื้อเสื้อหรือสินค้าสุดพิเศษที่มีเฉพาะบนเกมได้อย่างง่ายดาย

โลกของเกมฟุตบอลเคยมีกรณีที่คล้ายกันกับเกมแนวซิมูเลชัน จำลองการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลอย่างเกม Championship Manager ผลงานของค่าย Sports Interactive ที่เกิดแตกหักกับค่ายใหญ่อย่าง Eidos ที่เป็นพันธมิตรช่วยการจัดจำหน่ายมาโดยตลอด

ศึกครั้งนั้นจบลงที่ Sports Interactive ยอมทิ้งชื่อเกม Championship Manager ยกให้ Eidos ไป แล้วนำทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างมาไปใช้กับเกมแฟรนไชส์ใหม่ Football Manager แทน ซึ่งสุดท้ายแล้ว Championship Manager ก็หยุดการพัฒนาไปในปี 2011 ขณะที่ Football Manager ยังออกเวอร์ชันใหม่ทุกปีจนถึงปัจจุบัน

ยังเร็วเกินไปที่จะพูดว่าประวัติศาสตร์จะทำนายอนาคตของ FIFAและ EA Sports FC ว่าจะเป็นเหมือนกันหรือไม่

อย่างไรก็ดี ทางด้าน EA Sports ให้คำมั่นสัญญาว่าไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เกม FIFAเวอร์ชันสุดท้ายที่จะออกในเดือนกันยายนนี้จะเป็นเกมในเวอร์ชันที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา

พร้อมกับเปิดช่องเล็กๆ สำหรับอนาคตว่า อยากให้ FIFA มาอยู่ในเกมด้วยเหมือนกัน แต่ขอซื้อแค่ชื่อรายการฟุตบอลโลก (World Cup) นะ

ยูเวนตุส คิดแยกทางป็อกบาหลังจบซีซั่นและเคยเลื่อนประเดิมนัดแรก


ข้อมูลอ้างอิงจาก : wikipedia.org