เอริค เทน ฮาก

การที่ได้ เอริค เทน ฮาก มาเป็นกุนซือคนใหม่ของ แมนยู นั้นถือว่าเป็นการดี เพื่อปรับโครงสร้างทีม แบบแผนการเล่น การดึงตัวนักฟุตบอลที่มีประโยชน์ต้่อทีมมาเสริมทัพ เพื่อที่จะกู้วิกฤตสโมสร และเรียกความเชื่อมั่นฟนบอลแมนยูกลับมา

ธาลิส ของสโมสรฟุตบอลปัลเมย์รัสได้รับ ฉายาริวัลโด้ เวอร์ชัน 2.0

7 ขั้นตอน เพื่อกู้วิกฤตสโมสร แมนยู กับกุนซือ เอริค เทน ฮาก

1.รับมือกับโรนัลโด้

แน่นอนว่า คริสเตียโน โรนัลโด้ คือนักเตะที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ เวลานี้ แม้อาจจะมีเสียงวิจารณ์บางส่วนว่าเขาคือตัวปัญหาและทำให้ทีมเสียระบบ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้การมี โรนัลโด้ อยู่ในทีมย่อมเป็นเรื่องที่ดีมากกว่าเรื่องแย่ และเขาพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งในฤดูกาลที่แล้ว ว่ายังคงเป็นศูนย์หน้าจอมถล่มประตู แม้ว่าวัยจะล่วงเลยมาถึง 37 ปีแล้วก็ตาม ด้วยการยิงไปถึง 24 ประตูรวมทุกรายการ และการที่ปีศาจแดงพลาดเป้าหมายการเสริมทัพดาวยิงอย่าง เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่เลือกไปอยู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึง ดาร์วิน นูนเญซ ที่ย้ายไปลิเวอร์พูล  นี่จึงถือเป็นการบ้านที่ เทน ฮาก ต้องค้นหาระบบที่สามารถเค้นศักยภาพของ โรนัลโด้ ออกมาได้ดีที่สุด โดยไม่ฝืนธรรมชาติของนักเตะ ก็ต้องรอดูกันว่า เทน ฮาก จะทำอย่างไรเพื่อให้ทั้งทีมมีระบบที่สมดุล โดยที่มี โรนัลโด้ เป็นแกนหลักและกุญแจสำคัญในแนวรุก

2.ชุบชีวิตแรชฟอร์ดและซานโช

เจดอน ซานโช เริ่มต้นฤดูกาลแรกกับยูไนเต็ดได้ไม่ดีนัก จนส่งผลกระทบไปถึงตำแหน่งในทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเขามีความเสี่ยงว่าจะหลุดโผจากชุดลุยฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่กาตาร์ช่วงปลายปีนี้ด้วย และอดีตปีกโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้องรีบเค้นฟอร์มโดยเร็ว เพื่อหวังทั้งการทำผลงานกับปีศาจแดงให้ดี รวมถึงการได้เป็นหนึ่งใน 26 ขุนพลสิงโตคำรามชุดลุยเวิลด์คัพ และมาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นอีกคนที่ทาง เทน ฮาก ต้องรีบเค้นศักยภาพที่แท้จริงออกมาให้ได้

แม้จะได้รับเสียงชื่นชมจากการช่วยเหลือสังคมนอกสนาม แต่ผลงานในสนามของ แรชฟอร์ด กลับสวนทางกันโดยสิ้นเชิง และมีความเสี่ยงสูงที่จะหลุดจากทีมชาติอังกฤษเหมือนกับ ซานโช แต่ถ้าหาก เทน ฮาก สามารถดึง แรชฟอร์ด และ ซานโช กลับมาคืนฟอร์มเก่งได้อีกครั้ง จะยิงทำให้แนวรุกของยูไนเต็ดอันตรายเพิ่มขึ้นไปอีก

3.กลับไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก

เป้าหมายขั้นต่ำในฤดูกาลแรกของ เทน ฮาก นั่นคือการพายูไนเต็ดจบอันดับท็อบโฟร์ เพื่อคว้าโควตากลับไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกให้ได้อีกครั้ง แต่การบรรลุเป้าหมายนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อต้องสู้กับคู่แข่งอย่าง ท็อตแนม ฮ็อตตสเปอร์ส ที่กลายมาเป็นทีมสุดแกร่งภายใต้การคุมทัพของ อันโตนิโอ คอนเต้ ขณะที่ เชลซี ก็เป็นขาประจำที่ครองท็อปโฟร์มาตลอดในช่วงหลายปีหลัง รวมถึงอาร์เซนอลที่มีกุนซือไฟแรงอย่าง มิเกล อาร์เตต้า ซึ่งกำลังสร้างทีมด้วยนักเตะพลังหนุ่ม และหวังได้กลับไปลุย UCL อีกครั้ง หลังจากห่างเหินไปหลายปี ยังไม่รวมถึงม้ามืดอย่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด รวมถึงทีมเศรษฐีใหม่อย่าง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่มีความทะเยอทะยานว่าอยากจะจบในอันดับที่สูงที่สุด แต่หากว่า เทน ฮาก อยากจะเริ่มต้นฤดูกาลแรกของปีศาจแดงให้ดี ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการพาทีมกลับสู่แชมเปี้ยนส์ลีก

4.คว้าแชมป์ถ้วยไหนก็ได้

เป็นเวลาถึง 5 ปีแล้ว กับการร้างราความสำเร็จในรูปแบบถ้วยรางวัลของแมนฯ ยูไนเต็ด แชมป์ถ้วยล่าสุดของพวกเขา ต้องย้อนไปถึงการคว้าแชมป์ยูโรป้าลีกเมื่อปี 2017 ในยุคของ โชเซ มูรินโญ ขณะที่หลังจากนั้นแม้จะเปลี่ยนกุนซือมาเป็น โอเล กุนนาร์ โซลชา แต่ก็กลับไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เลย

โอกาสใกล้เคียงสุดของ โซลชา คือการแพ้จุดโทษบียาร์เรอัล ในนัดชิงชนะเลิศยูโรป้าลีกเมื่อปี 2021 ทำให้สุดท้ายได้เพียงแค่รองแชมป์เท่านั้น ขณะที่ทาง เทน ฮาก ผ่านประสบการณ์พาอาแย็กซ์ อัมสเตอร์ดัม คว้าแชมป์เอเรอดีวีซี 3 สมัย รวมถึงดัตช์ คัพ 2 สมัย ซึ่งปีศาจแดงก็ตั้งความหวังไว้ว่าเขาจะพาทีมได้กลับชูถ้วยแชมป์ให้ได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นถ้วยไหนก็ตาม

5.สู้กับเป๊ปและคล็อปป์

แฟนบอลของปีศาจแดงเข้าใจความเป็นจริงอย่างดีว่า แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ เทน ฮาก จะสามารถพาทีมเกาะกลุ่มลุ้นแชมป์กับสองยักษ์ใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึงลิเวอร์พูล โดยเฉพาะเมื่อดูจากการเจอกับทั้งสองทีมในยุคหลัง ยูไนเต็ดก็มักจะพ่ายแพ้แบบหมดทางสู้อยู่ตลอด กระนั้นหากดูจากบทสัมภาษณ์แรกของ เทน ฮาก ก็ถือว่าเขามีความทะเยอทะยานทีเดียวที่จะหยุดยุคสมัยการต่อสู้กันระหว่างสองสุดยอดกุนซือแห่งยุคนี้อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา และ เยอร์เก้น คล็อปป์

ขณะที่การมีโปรแกรมต้องทำศึกแดงเดือดกับลิเวอร์พูลตั้งแต่นัดที่ 3 รวมถึงต้องดวลกับแมนฯ ซิตี้ในช่วงต้นเดือนตุลาคม ก็ถือเป็นบทพิสูจน์สำคัญที่จะบ่งบอกศักยภาพการคุมทีมของ เทน ฮาก

6.เอาชนะใจแฟนบอล

การที่สโมสรต้องเข้าสู่ยุคตกต่ำ ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นและศรัทธาของแฟนบอลปีศาจแดงหดหายลงไปเรื่อย ๆ และหน้าที่ของการคุมทีมอย่างยูไนเต็ด ไม่ได้มีแค่การพาทีมประสบความสำเร็จให้ได้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเอาชนะคู่แข่งอย่างมีสไตล์และเล่นให้ได้ใจแฟนบอลอีกครั้ง กุนซือดังอย่าง หลุยส์ ฟาน กัล รวมถึง โชเซ มูรินโญ แม้จะพาทีมคว้าแชมป์ได้ แต่กลับมีแฟนบอลบางส่วนไม่ปลื้มในวิธีการคุมทีมเท่าไหร่นัก

ขณะที่ โอเล กุนนาร์ โซลชา ซึ่งเป็นที่รักของแฟนบอลมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะ แต่เมื่อไม่สามารถพาทีมประสบความสำเร็จได้ ก็โดนเสียงวิจารณ์จากแฟนบอลอย่างหนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตัวอย่างที่ดีของ เทน ฮาก นั่นคือ ความสัมพันธ์ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กับแฟนบอลลิเวอร์พูล ซึ่งมาจากการพาหงส์แดงคว้าแชมป์ได้แบบมีสไตล์ รวมถึงการให้สัมภาษณ์ที่พร้อมจะอยู่ข้างแฟนบอลเสมอ เอาชนะคู่แข่งเพื่อคว้าแชมป์ได้อย่างเดียวไม่พอ เทน ฮาก ต้องซื้อใจและเอาชนะใจแฟนบอลให้ได้ด้วย

7.กำหนดรูปแบบและสไตล์การเล่นให้ชัดเจน

ปัญหาสำคัญนับตั้งแต่ทีมหมดยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั่นคือระบบการเล่นที่เปลี่ยนแปลงไปมาตามกุนซือที่เข้ามารับงานคุมทีม และเมื่อไล่ชื่อกุนซือมาตั้งแต่ เดวิด มอยส์, หลุยส ฟาน กัล, โชเซ มูรินโญ, โอเล กุนนาร์ โซลชา จนมาถึง ราล์ฟ รังนิค จะเห็นได้ว่าแต่ละคนเป็นโค้ชที่ต่างสไตล์กันหมด

เทน ฮาก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้ามาวางระบบที่มั่นคงให้กับทีม เพื่อให้ทีมมีสไตล์ที่ชัดเจนเป็นมาตรฐานไปตลอด จนกระทั่งถึงวันที่เขาไม่ได้อยู่คุมทีมแล้ว แต่ทีมเก่าของเขาอย่าง อาแย็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ก็ได้ชื่อว่าเป็นทีมที่มีระบบการเล่นชัดเจนและเป็นมาตรฐาน ซึ่งแน่นอนว่าแม้กุนซือจะไม่ใช่ เทน ฮาก แล้ว แต่อาแย็กซ์ก็ยังคงเป็นทีมแข็งแกร่งเหมือนเดิม แน่นอนการวางระบบจะต้องใช้เวลานาน และไม่สามารถทำได้ทันทีเลยภายใน 1-2 ปี ซึ่งทั้งสโมสรและแฟนบอลก็ต้องเวลาในการก่อร่างสร้างตัวแก่เขาด้วย


สนใจสมัคร แทงบอล ได้ที่ Kingufa

สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่

ข้อมูลอ้างอิง : คลิกที่นี่