อาเดล ทารับต์

สุดยอดนักฟุตบอลมิดฟิลด์โมร็อคโคกลายเป็นมิติใหม่ให้กับเหยี่ยวลิสบอน แต่เราไม่สามารถลืมได้เลยว่าเขาเคยมหัศจรรย์แค่ไหนกับ คิวพีอาร์ ช่วงนาที 44 ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศนัดแรกที่ เบนฟิก้า พบ ลิเวอร์พูล, อาเดล ทารับต์ ที่อยู่ตรงกึ่งกลางสนามในแดนของตัวเอง เอี้ยวตัววอลเลย์หวดลูกบอลยาวโด่งไปให้ ราฟา ซิลวา ใช้ความเร็วกดไปรับบอล

แม้ว่าจังหวะดังกล่าวจะไม่ได้ประตู และไม่ได้ทำให้ เบนฟิก้า คว้าชัยชนะแต่อย่างใดหลังจบการแข่งขันทั้งสองเลก แต่นั่นแสดงให้เห็นว่า ทารับต์ ยังคงสร้างความตื่นเต้นเหมือนกับที่เคยค้าแข้งในอังกฤษเมื่อหลายปีก่อน

ทารับต์ สร้างชื่อโด่งดังกับ คิวพีอาร์ ในฐานะหนึ่งในนักเตะที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในช่วงปี 2010 ด้วยทักษะการเลี้ยง และประตูสุดสวยมากมาย ทว่าทุกวันนี้ เขากลับมาเฉิดฉายอีกครั้งในตำแหน่งที่เป็นตัวรับมากขึ้นให้กับยักษ์ใหญ่แห่งโปรตุเกส เป็นจุดเปลี่ยนในเส้นทางอาชีพของเขา

เส้นทางนักฟุตบอลของ อาเดล ทารับต์ จอมร่ายสกิล

ย้อนกลับไป ทารับต์ เพิ่งอายุเพียง 17 ปีเท่านั้นตอนย้ายมาเล่นในอังกฤษ​จากลองส์ ด้วยการยืมตัวในเดือนมกราคมปี 2007 ก่อนย้ายถาวรมาในซัมเมอร์ ทว่าต้องยอมรับว่าการย้ายไปร่วมทีม ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ เป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่เขามายอมรับในภายหลังว่าเขาเสียใจ

เขาเผยกับ talkSPORT “ผมเซ็นสัญญากับ สเปอร์ส เพราะตอนที่ผมอยู่ฝรั่งเศส สำหรับพวกเราแล้ว เราติดตามดูพรีเมียร์ลีก แต่ท็อปโฟร์ในตอนนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล, เชลซี และ ลิเวอร์พูล

“แต่สำหรับผม ผมเกือบจะได้ย้ายไปอาร์เซนอลแล้ว ทว่าหลังจากนั้น ดาเมียน โคมอลลี ที่ทำงานกับ ท็อตแนม ได้เปลี่ยนใจให้ผมมาที่นี่”

“ในเวลานั้น ผมเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศสชุด U17 และผมสามารถย้ายไปเล่นให้บิ๊กทรีที่ไหนก็ได้”

ทว่า ทารับต์ เจอปัญหาไม่สามารถสอดแทรกขึ้นทีมชุดใหญ่ของสเปอร์สได้ทั้งในยุค ฮวนเด้ รามอส และ แฮร์รี เรดแนปส์ ดังนั้นในเดือนมีนาคม ปี 2009 เขาถูกปล่อยให้ คิวพีอาร์ ยืมไปใช้งาน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความมัน

ประตูที่ ทารับต์ ยิงได้ในวันที่ 1 ตุลาคม ปี 2009 ในเกมพบ เปรสตัน ในศคึกแชมเปี้ยนชิพ บ่งบอกว่าทำไมเขาทำให้แฟนบอลก้นไม่ติดที่นั่ง ด้วยการโชว์ลากบอลมาจากครึ่งสนามแหวกแนวรับทีมเยือน ก่อนปั่นด้วยขวาหน้าเขตโทษเข้าเสาไกลไปอย่างสวยงาม

มันเป็นประตูที่ล้วนมาจาก ความสามารถเฉพาะตัวและการจบสกอร์ระยะไกล และยิ่งฤดูกาลต่อมา เขายิ่งแตะจุดสูงสุดของอาชีพค้าแข้ง และในฤดูกาล 2010/11 ทารับต์ ทำ 19 ประตูกับ 21 แอสซิสต์ ใน 44 เกมศึกแชมเปี้ยนชิพส่งทีมของ นีค วอร์น็อค คว้าแชมป์ลีกรองของอังกฤษ ก่อนเซ็นร่วมทีมถาวรด้วยค่าตัวเพียง 1 ล้านปอนด์เท่านั้น โดยเขาคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาล แบบไร้เสียงครหา

พรีเมียร์ลีก ควรเป็นเวทีที่ทำให้เขาวาดลวดลายแก่สายตาชาวโลก ทว่ามันกลับกลายเป็นซัมเมอร์สุดปั่นป่วนที่ทำให้เขาไม่เหมือนเดิมในฟุตบอลอังกฤษอีกเลยแลพเขาตกเป็นข่าวย้ายออกจากทีม ซึ่งมันใช้เวลานานนับ 10 ปีกว่าเขาจะเผยว่าเขาใกล้เพียงใดที่จะย้ายไปร่วมทีม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อถูกถามว่าเขาพร้อมจะเซ็นสัญญากับทีมแชมป์ลีกเอิงก่อนฤดูกาล 2011/12 หรือไม่ เขาเผยกับ GOAL ในปี 2021 ว่า “ใช่แล้ว, หลังจากฤดูกาลที่เราเลื่อนชั้นขึ้นมา ใช่ มันเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว”

“ผมได้พูดคุยกับ นาสเซอร์ (อัล-เคไลฟี) เราอยู่ด้วยกัน แแต่เขาบอกผมว่าเราต้องรออีกหน่อยเพราะ เลโอนาร์โด จะย้ายมาร่วมงานจาก อินเตอร์ แต่มันไม่เกิดขึ้นด้วยเรื่องค่าตัว ตอนนั้นผมรออยู่ที่ปารีสแล้ว”

ด้วยจิตใจที่ล่องลอยไปไกลแล้ว ทำให้เขาไม่สามารถเฉิดฉายในพรีเมียร์ลีกได้ ทำไปได้เพียง 2 ประตูจาก 27 เกมในฤดูกาลที่ คิวพีอาร์ รอดตกชั้นแบบเฉียดฉิวในวันสุดท้าย ก่อนที่ฤดูกาลต่อมาเขาจะฟอร์มกระเตื้องขึ้นทำ 5 ประตู 5 แอสซิสต์ จาก 33 เกมในลีก แต่มันไม่เพียงพอในการช่วยทีมรอดตกชั้นในหนนี้

เรื่องราวต่าง ๆ หลังฉากดำเนินไปได้ไม่สวยนัก – เรดแนปส์ ผู้ที่ปล่อยตัวเขาออก

เรื่องราวต่าง ๆ หลังฉากดำเนินไปได้ไม่สวยนัก – เรดแนปส์ ผู้ที่ปล่อยตัวเขาออกมาจาก สเปอร์ส เข้ารับงานคุม คิวพีอาร์ ในตอนที่สโมสรดิ้นรนอยู่บนลีกสูงสุด และ ทารับต์ ไม่ลังเลที่จะเผยความคิดเห็นของเขา

ทารับต์ เผย “กว่าครึ่งของนักเตะ คิวพีอาร์ ไม่ได้แคร์สโมสร พวกเขาแค่หวังจะทำเงิน ผมเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงสุด แต่ผมแคร์เรื่องฟุตบอล เพราะผมรักฟุตบอล”

“ตอนที่ผมมารายงานตัว พรีซีซั่น ผมบอกกับ เรดแนปส์ ต่อหน้า “ทีมนี้จะตกต่ำลง” เขาบอกสิ่งเดียวกันกับผม และเขาเห็นด้วยกับผม

“ผมไม่คิดว่าเขา(เรดแนปส์)มีแพสชั่นให้กับฟุตบอลเหมือนที่หลาย ๆ คนคิด แฮร์รี ไม่ใช่คนที่แย่แต่เขาเป็นโค้ชที่แย่มาก และสำหรับผม เขาเป็นกุนซือที่เลวร้ายเลยล่ะ”

หลังจากนั้น ทารับต์ ผเนจรย้ายไปเล่นกับ ฟูแลม และ เอซี มิลาน ก่อนกลับมา คิวพีอาร์ ที่เขาโดน เรดแนปส์ วิจารณ์อีกครั้งเรื่องความฟิต ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีม บเนฟิก้า ด้วยค่าตัว 4 ล้านยูโร ทีมที่เขาไม่ได้ลงสนามเลยหนึ่งฤดูกาลครึ่ง ก่อนย้ายไปเล่นให้ เจนัว เป็นเวลานาน 18 เดือน

แต่แล้วในต้นปี 2019 สิ่งต่าง ๆ พลิกผัน เมื่อ โค้ช เบนฟิก้า ชุด บี อย่าง บรูโน ลาจ (กุนซือ วูล์ฟส์ คนปัจจุบัน) เข้ามาคุมทีมชุดใหญ่ และเรียกตัว ทารับต์ มาใช้งานในวัย 30 ปี ก่อนที่เขาจะยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นพี่ใหญ่ในทีม คอยสนับสนุนแนวรุกนักเตะรุ่นน้อง รวมทั้ง ดาร์วิน นูนเญซ ได้เฉิดฉาย

เขา เผยกับ The Athletic กับบทบาทใหม่ของเขา “มันเป็นพื้นที่ที่แตกต่างออกไป จุดที่คุณไม่สามารถเล่นเสี่ยงได้มากนัก ในอังกฤษ ผมได้รับอิสระ และสิ่งเดียวที่ผมถูกขอให้ทำคือ การสร้างสรรค์โอกาส ตอนนี้ผมต้องทำทั้งสองอย่าง พยายามสร้างเกมแและป้องกันด้วยเช่นกัน

“ผมต้องมีระเบียบวินัย ผมไม่ได้เติมไปถึงกรอบเขตโทษ ผมอาจมีขึ้นไปบ้าง แต่เป็นฐานะคนจ่ายบอลพื้นที่สุดท้าย มันเป็นการสร้างการเล่นของทีม และนั่นทำให้ช่วงโค้งสุดท้ายในอาชีพของ อาเดล ทารับต์ กลับกลายมาเป็นกองกลางระเบียบวินัยสูง สลัดภาพเดิมจากจอมร่ายสกิลเมื่อครั้งค้าแข้งในอังกฤษ

นักฟุตบอล ดรีมทีมซามูไร บลูชุดที่ดีสุดตลอดกาลของญี่ปุ่น


ข้อมูลอ้างอิงจาก : wikipedia.org