อากิโอะ โคกิคุ

เมื่อเฮดโค้ชทีมชุดใหญ่อย่าง อากิโอะ โคกิคุ  พูดถึงระบบ อคาเดมีเซเรโซ และความสำเร็จของการลงแรงตลอดหลายปีที่ผ่านมา และมีการเชิญคุณคาซามะมาเป็นผู้อำนวยการเทคนิค ทำให้เราทำงานด้วยมุ่งเน้นไปในเรื่องเทคนิคมากขึ้น

นักฟุตบอลดาวรุ่ง 14 แข้งดาวรุ่งน่าจับตา ฟุตบอลโลก 2022 NXGN

อากิโอะ โคกิคุ ในฐานะผู้จัดการทีมมองจุดเด่นและข้อดีของอคาเดมี เซเรโซ อย่างไร?

พูดตรงๆ นะ มันมีการเปลี่ยนแปลงมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมคิดว่ามันคือเวลาที่ควรปล่อยให้ความเปลี่ยนแปลงนั้นได้ฝังรากลงไป ผมเฝ้ามองกระบวนการของการไล่ตามกัมบะมาหลายปี และผมคิดว่าอคาเดมีของเซเรโซถือเป็นองค์กรที่เติบโตเร็วมาก มีนักเตะหลายคนที่มีส่วนช่วยให้ทีมไล่ตามกัมบะได้ รวมถึงมีนักเตะอีกหลายคนที่จะเป็นกำลังสำคัญของทีมในอนาคต

ผมคิดว่าคนที่มีส่วนร่วมเพาะพันธ์ุเซเรโซจนถึงตอนนี้ ล้วนแต่ทำงานอย่างหนักเพื่อคัดเมล็ดพันธุ์ และทุกคนที่ช่วยกันทำงานอย่างหนักในการรดน้ำ ผมอยากจะสานต่อด้วยการทำให้มันเบ่งบานแบบสวยงามยิ่งขึ้นกว่าเดิม มันคือการลงแรงของทั้งสโมสร มันเป็นเรื่องสำคัญที่ทั้งสโมสร รวมถึงทีมชุดใหญ่จะต้องมีส่วนร่วมด้วย ไม่ใช่แค่ทีมอคาเดมีเท่านั้น

ขณะที่อคาเดมีเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นส่วนหนึ่งของทีม สโมสรก็ได้เพิ่มความท้าทายขึ้นไปอีกในปีที่แล้ว ด้วยการเชิญคุณคาซามะมาเป็นผู้อำนวยการเทคนิค ทำให้เราทำงานด้วยมุ่งเน้นไปในเรื่องเทคนิคมากขึ้น

ผมเห็นด้วยนะ มันช่วยส่งสารที่แข็งแรงมากๆ ไปว่า เซเรโซจะเน้นทางด้านเทคนิค ผมคิดว่ามันยอดเยี่ยมมากๆ เราทำงานร่วมกับทีมชุดใหญ่อย่างต่อเนื่อง เพื่อจะพัฒนาและฝึกฝนพวกเขา แต่ในแง่ทางเทคนิค นักเตะที่ต่อกรกับทีมชุดใหญ่ได้นั้นมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งตอนที่ถูกเรียกตัวไปเล่นในเกมภายใน นักเตะของเราก็เล่นได้แบบไม่เป็นรอง ผมคิดว่าความพยายามของเราเริ่มแสดงให้เห็นผลแล้วในตอนนี้

นอกจากนักเตะที่คุณเพิ่งกล่าวถึงไป อคาเดมีของเซเรโซยังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในที่ที่ดีที่สุดของเจลีก คุณคิดว่าทำให้สโมสรถึงสร้างนักเตะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวออกมาได้เรื่อยๆ?

อย่างแรกคือสโมสรให้ความใส่ใจกับการฝึกซ้อมในระยะยาว ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เริ่มตั้งแต่ชินจิ คางาวะ ซึ่งสโมสรทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนานักเตะที่อยู่นอกระบบอคาเดมี ให้กลายเป็นนักเตะทีมชาติ และก้าวไปสู่ระดับโลก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ทีมก้าวมาถึงจุดที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

อากิโอะ โคกิคุ มีชื่อเสียงโด่งดังจากการค้นพบคางาวะระหว่างที่ทำงานเป็นแมวมอง อะไรที่คุณมองเห็นในตัวเขา?

ถึงที่สุดแล้ว ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของการที่ใครสักคนจะลงแรงแค่ไหนเพื่อไปให้ถึงความฝัน ผมมองมันในแง่ของสภาพจิตใจมากกว่า ผมเคยเห็นนักเตะมากพรสวรรค์หลายรายที่ไม่ได้กลายเป็นนักเตะอาชีพ หรือยอมแพ้ตั้งแต่เนิ่นๆ และแขวนสตั๊ดไป ถึงที่สุดแล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณจะรักฟุตบอลและทำงานอย่างหนักเพื่อไปให้ถึงฝันได้หรือไม่ รวมถึงแรงสนับสนุนจากครอบครัว แม้เราอยากจะสนับสนุน แต่ตัวนักเตะเองไม่มีแรงจูงใจ ผมคิดว่ามันก็เป็นไปไม่ได้

แน่นอนว่าคุณสนใจในเรื่องเทคนิค แต่คุณก็สนใจในเรื่องทัศนคติด้วยใช่ไหม?

ใช่เลย นักเตะที่กลายเป็นทีมชาติญี่ปุ่น หรือได้ไปเล่นต่างแดน คือคนที่ชอบฟุตบอลจริงๆ เราพูดได้โดยทั่วๆ ไป ว่านักเตะเหล่านั้นมีความมุ่งมั่นและมีความฝันของตัวเอง ไม่มีใครรู้อนาคต แต่นักเตะที่เชื่อในอนาคตของตัวเองจะได้ยกระดับขึ้นไป

ขณะเดียวกัน มีนักเตะหลายคนที่เดียวที่ผมคิดวาควรจะมีความฝันที่ใหญ่กว่านี้ หรือมีความสามารถเพียงพอ แต่กลับไปได้ไม่ไกลนัก บางครั้งมันก็ทำให้ผมหงุดหงิดนะ คือผมพยายามจะปลูกผังความคิด และชี้ให้เขามองในมุมอื่นบ้าง แต่นักเตะบางคนก็ไม่ได้สนใจฟังผม มันน่าหงุดหงิด แต่ถ้าคุณยอมแพ้ตั้งแต่ตรงนั้น ศักยภาพของนักเตะก็จะจบลงไปเลย

คุณหมายความว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเป็นนักเตะอาชีพ คือการรักษาความมุ่งมั่นที่จะเดินตามความฝันต่อไปเรื่อยๆ แบบนั้นหรือ?

คือมันพูดง่าย เรียกร้องง่ายๆ นะ แต่มันไม่ได้ง่ายเลยที่จะทำมันต่อไปเรื่อยๆ หรือต้องเผชิญหน้ากับตัวเองในทุกๆ วัน ผมให้ค่ากับมันมากที่สุด และใช้ชีวิตทุกวันให้เต็มที่ แน่นอน ผมก็มีความกังวล มันมีเรื่องแพ้เรื่องชนะ แต่ผมจะใช้เวลาในชีวิตไปกับการตั้งคำถามตัวเอง ผมเลยรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะทำมันอย่างต่อเนื่อง ผมตั้งตารอที่จะได้เห็นนักเตะจากอคาเดมีได้ขึ้นมาอยู่กับทีมชุดใหญ่มากขึ้น เหมือนที่ โซตะ คิตาโนะ ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ผมอยากให้พวกดาวรุ่งได้สัมผัสกับทีมชุดใหญ่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมแชร์เรื่องนี้กับทางทีมงานของอคาเดมี รวมถึงในการประชุมที่เราสื่อสารกันอย่างสม่ำเสมอ เพื่ออนาคตของพวกเด็กๆ และอนาคตของสโมสร ผมเชื่อว่าการทำแบบนั้นคือทางที่ดีที่สุดสู่ความสำเร็จในอีก 30 หรือ 50 ปีข้างหน้า

คุณมีแรงผลักดันอย่างไรในฐานะผู้นำ อะไรคือแรงจูงใจของคุณในทุกๆ วัน?

แน่นอน ผมมีความสุขเวลาชนะ แต่ในฐานะโค้ช ผมดีใจที่นักเตะทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ในทุกๆ การฝึกซ้อม ได้เห็นพวกเขาฝึกซ้อมในแต่ละวันด้วยสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ผมมีความสุขถ้าการฝึกซ้อมออกมาดีในทุกๆ วัน ผมต้องขอบคุณพวกเขาที่ซ้อมกันอย่างเต็มที่ในทุกๆ วัน มันทำให้คุณรู้สึกเติมเต็ม

ผมดีใจมากๆ ที่ได้เห็นนักเตะทำงานภายใต้ความคิดเดียวกัน แน่นอนนักเตะที่มีส่วนร่วมในเกมก็ต้องฝึกหนักในระหว่างซ้อมด้วย แต่แม้จะถึงขีดจำกัดแล้ว แต่การที่ได้เห็นพวกเขายพายามอย่างเต็มที่ทุกๆ วัน โดยไม่ยอมแพ้ ในฐานะผู้จัดการทีม ผมก็มีความสุขแล้ว

มันยัเป็นเหมือนเดิมจนถึงตอนนี้ แต่ผมไม่ได้คิดถึงอนาคตมากนัก ผมพูดมานานแล้วว่าผมอยู่กับปัจจุบัน และทำทุกๆ วันให้ดีที่สุด ผมอยากจะสร้างอนาคตอันสดใสให้เซเรโซ และทำให้เซเรโซแข็งแกร่ง

ผมไม่รู้ว่าผมจะอยู่กับสโมสรแห่งนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน แต่ผมอยากจะทำทุกๆ วันด้วยหัวใจ ตอนที่ผมเป็นคุณปู่ ผมก็อยากจะให้เซเรโซกลายเป็นทีมที่คว้าแชมป์ได้เรื่อยๆ ไปตลอดกาล ผมมองไปที่ตรงนั้น และทำทุกวันให้ดีที่สุดเพื่อสโมสรแห่งนี้


สนใจสมัคร แทงบอล ได้ที่ Kingufa

สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่

ข้อมูลอ้างอิง : คลิกที่นี่