ลิเวอร์พูล

สัปดาห์แรกของ พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 1992-1993 มีเกมที่แข่งขันในวันอาทิตย์เป็นครั้งแรกด้วย นั่นคือเกมที่น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์เปิดบ้านชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ในปี 1992 ซึ่งออกสตาร์ทด้วยความพ่ายแพ้ สุดท้ายแล้วทีมของ แกรม ซูเนสส์ ก็จบฤดูกาลนั้นด้วยการคว้าอันดับ 6 โดยตามหลังทีมแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ห่างถึง 25 แต้ม และตอนนี้นักเตะลิเวอร์พูลชุดลงเล่นในนัดปฐมฤกษ์ของพรีเมียร์ลีก ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนกันบ้าง

นักฟุตบอลลิเวอร์พูล คืนสนามเมื่อไหร่ อัพเดตอาการเจ็บ 10 นักเตะ

นักเตะชุดแรกที่เล่นพรีเมียร์ลีกของ ลิเวอร์พูล

1.เดวิด เจมส์

ผู้รักษาประตูดาวรุ่งที่เพิ่งย้ายมาจากวัตฟอร์ดในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น ได้ประเดิมสนามนัดแรกให้ลิเวอร์พูลในเกมนี้ และเจมส์ ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลไปทั้งหมด 277 เกม คว้าแชมป์ลีกคัพเมื่อปี 1995 แต่ผลงานโดยรวมถือว่าเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ก่อนจะย้ายไปอยู่กับแอสตัน วิลลา ในปี 1999

นอกจากลิเวอร์พูลและวิลลาแล้ว เขายังได้ลงเล่นอีก 3 สโมสรในพรีเมียร์ลีกอย่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แะล พอร์ทสมัธ ก่อนจะกลายมาเป็นผู้รักษาประตูที่ครองสถิติลงเล่นมากที่สุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวน 572 นัด และเป็นอันดับ 5 ของนักเตะลงเล่นมากที่สุดตลอดกาลรองจาก แกเร็ธ แบร์รี, ไรอัน กิ๊กส์, แฟรงค์ แลมพาร์ด และ เจมส์ มิลเนอร์ แต่สุดท้าย เจมส์ ตัดสินใจแขวนถุงมือในปี 2014 โดยลงเล่นให้ เกรละ แบลสเตอร์ส สโมสรในอินเดียเป็นต้นสังกัดสุดท้าย ก่อนจะผันตัวมาเป็นคอมเมนเตเตอร์ฟุตบอลทางโทรทัศน์ในปัจจุบัน

2.นิค แทนเนอร์

กองหลังที่ย้ายมาจากบริสตอล โรเวอร์ส เมื่อปี 1988 ในยุคของ เคนนี ดัลกลิช โดยช่วงแรกเขายังไม่ค่อยได้โอกาสลงเล่นมากนัก และมีช่วงที่ถูกปล่อยให้นอริช ซิตี้ รวมถึงสวินดอน ทาวน์ ยืมตัวไปใช้งานด้วย จากนั้น แทนเนอร์ ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของลิเวอร์พูลในฤดูกาล 1991-1992 ต่อเนื่องมาถึงช่วงต้นฤดูกาล 1992-1993

ทว่าหลังจากนั้นเขาต้องประสบปัญหาบาดเจ็บที่หลังเรื้อรัง จนต้องตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 1994 ด้วยวัยเพียงแค่ 29 ปีเท่านั้น และหลังเลิกเล่น เขาผันตัวมารับงานโค้ชให้หลายทีมในลีกล่าง ส่วนปัจจุบันมาทำงานเป็นคอมเมนเตเตอร์ฟุตบอลทางวิทยุให้กับ BBC Radio Merseyside

3.เดวิด เบอร์โรวส์

แบ็คซ้ายที่ย้ายมาจากเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เมื่อปี 1988 ก่อนจะกลายมาเป็นหนึ่งในสมาชิกชุดแชมป์ลีกสูงสุดเดิมอย่าง ดิวิชั่น 1 เมื่อปี 1990

เบอร์โรวส์ ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลไปทั้งหมด 193 เกม ก่อนจะย้ายไปอยู่กับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในปี 1993 ตามด้วยพเนจรไปอยู่กับเอฟเวอร์ตัน, โคเวนทรี ซิตี้, เบอร์มิงแฮม ซิตี้ และสุดท้ายไปแขวนสตั๊ดกับเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ในปี 2003 แต่ในปัจจุบันเขากับภรรยาและครอบครัวย้ายไปอาศัยอยู่เมืองดอร์ดอญ ประเทศฝรั่งเศส และทำธุรกิจเปิดที่พักตากอากาศให้เช่า

4.สตีฟ นิโคล

กองหลังระดับตำนานลิเวอร์พูลผู้ค้าแข้งให้ทีมอย่างยาวนานช่วงปี 1981-1995 ลงสนามไปทั้งหมด 452 เกม คว้าแชมป์ถึง 10 รายการ และเคยคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีที่โหวตโดยสมาคมผู้สื่อข่าวของอังกฤษเมื่อปี 1989 อีกด้วย ช่วงท้ายชีวิตค้าแข้ง เขาเลือกย้ายไปเล่นในสหรัฐอเมริกากับ บอสตัน บูลล์ด็อกส์ โดยควบสองตำแหน่งเป็นโค้ชแอนด์เพลเยอร์ด้วย

ต่อมา นิโคล ตัดสินใจแขวนสตั๊ดและรับงานเป็นกุนซือแบบเต็มตัวให้กับ นิวอิงแลนด์ เรฟโวลูชัน โดยคุมทีมอย่างยาวนานจนถึงปี 2011 และคว้าแชมป์ยูเอส โอเพน คัพ ในปี 2007 รวมถึงนอร์ท อเมริกา ซูเปอร์ลีกา ในปี 2008 ในปัจจุบันเขาวางมือจากงานโค้ช และหันมารับงานเป็นคอมเมนเตเตอร์ทางโทรทัศน์ให้กับช่อง ESPN

5.รอนนี วีแลน

ตำนานกองกลางผู้ค้าแข้งให้ลิเวอร์พูลยาวนานในช่วงปี 1979-1994 ลงสนามไปถึง 475 นัด คว้าแชมป์ไปครองถึง 20 รายการ ช่วงท้ายอาชีพ วีแลน โยกไปเล่นให้เซาธ์เอนด์ ยูไนเต็ด พร้อมควบตำแหน่งโค้ชแอนด์เพลเยอร์ด้วย จนกระทั่งตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 1996 ก่อนรับงานคุมทีมแบบเต็วตัวให้กับสโมสรกรีซและไซปรัส ในปัจจุบัน เดอะ ค็อป ยังสามารถติดตามเขาได้ผ่านทางการเป็นคอมเมนเตเตอร์ให้ LFCTV สื่อประจำสโมสร

6.มาร์ค ไรท์

กองหลังที่ย้ายมาจากดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในปี 1991 ก่อนจะได้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมชุดคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้ทันทีในฤดูกาลแรก ไรท์ ค้าแข้งกับหงส์แดงจนถึงปี 1998 ก่อนตัดสินใจแขวนสตั๊ดในวัย 35 เนื่องปัญหาบาดเจ็บหลังเรื้อรัง และผันตัวไปรับงานโค้ชให้กับหลายทีมในลีกล่าง ในปัจจุบันเขายังรับงานคอมเมนเตเตอร์ให้กับ LFCTV เป็นครั้งคราว รวมถึงทำงานในองค์กรการกุศลช่วยเหลือเด็กผู้ด้อยโอกาส

7.ดีน ซอนเดอร์ส

กองหน้าผู้ถูก แกรม ซูเนสส์ ซื้อมาจากดาร์บี้ เคาน์ตี้ เมื่อปี 1991 ด้วยค่าตัว 2.9 ล้านปอนด์ โดยในฤดูกาลแรกก็ถือว่าทำผลงานได้น่าพอใจ เมื่อยิงไป 23 ประตูรวมทุกรายการ ทว่าฤดูกาลต่อมา 1992-1993 ซอนเดอร์ส กับกับลิเวอร์พูลเพียงแค่ช่วงต้นฤดูกาลเท่านั้น ก่อนจะถูกขายให้แอสตัน วิลลา ในช่วงเดือนกันยายนเมื่อปี 1992 ด้วยค่าตัว 2.5 ล้านปอนด์

จากนั้นเขาพเนจรไปค้าแข้งให้หลายทีมทั้งในอังกฤษและต่างแดน โดยมีโอกาสได้กลับมาร่วมงานกับ ซูเนสส์อีกครั้งที่กาลาตาซารายและเบนฟิก้าอีกด้วย และหลังจากแขวนสตั๊ด ซอนเดอร์ส ก็ยังมีโอกาสได้ทำงานกับ ซูเนสส์ ในฐานะสตาฟฟ์โค้ชของแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส รวมถึงนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ก่อนจะหันไปรับงานกุนซือแบบเต็มตัวให้หลายทีมในลีกล่าง ในปัจจุบันเขาหายหน้าไปจากวงการฟุตบอล และมีข่าวว่าเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาเมาแล้วขับเมื่อปี 2019

8.พอล สจ๊วร์ต

กองกลางที่เพิ่งย้ายมาจากท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น ด้วยค่าตัว 2.3 ล้านปอนด์ ได้ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลเกมนี้เป็นเกมที่สอง ต่อจากเกมแรกในศึกแชริตี้ ชิลด์ที่แพ้ให้แก่ลีดส์ ยูไนเต็ด 3-4 จากนั้น พอล สจ๊วร์ต ได้ลงเล่นให้หงส์แดงไปทั้งหมด 42 เกม และต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในการถูกปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวไปใช้งานทั้งคริสตัล พาเลซ, วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส, เบิร์นลีย์ และซันเดอร์แลนด์

กระทั่งในปี 1996 เขาก็ย้ายไปอยู่กับซันเดอร์แลนด์ด้วยสัญญาถาวร ตามด้วยโยกไปเล่นให้สโต๊ค ซิตี้ รวมถึงเวิร์กคิงตัน กระทั่งตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2000 ต่อมาในปี 2016 สจ๊วร์ต ออกมาเปิดเผยว่าตัวเองเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศสมัยยังเป็นนักเตะดาวรุ่ง จนทำให้เขาต้องหันไปพึ่งสุรารวมถึงยาเสพติด ก่อนจะมีเขียนหนังสืออัตชีวประวัติของเขาออกมาขายในปี 2017 เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้นักเตะรุ่นหลังได้ศึกษา รวมถึงยังมีบทบาทช่วยรณรงค์ป้องกันการถูกล่วงละเมิดทางเพศของนักกีฬาอายุน้อยอีกด้วย

9.เอียน รัช

คงไม่ต้องบรรยายอะไรกันมากสำหรับตำนานดาวยิงรายนี้ เพราะนี่เองเจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวสุงสูดตลอดกาลของลิเวอร์พูล ด้วยผลงานกดไปถึง 346 ประตู จากการลงเล่น 660 เกม

รัช ค้าแข้งให้ลิเวอร์พูลสองรอบ เริ่มจากรอบแรกช่วงปี 1980-1987 ก่อนจะย้ายไปอยู่กับยูเวนตุส แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้เลือกกลับมาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์รอบสองตั้งแต่ปี 1988-1996 และเขาคว้าแชมป์กับลิเวอร์พูลถึง 20 รายการ รวมถึงยังคว้ารางวัลส่วนตัวได้อีกมากมาย ในปัจจุบัน รัช รับบทเป็นทูตของลิเวอร์พูล รวมถึงยังรับงานเป็นคอมเมนเตเตอร์ทางโทรทัศน์ด้วย

10.มาร์ค วอลเตอร์ส

ปีกซ้ายผู้เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ถูกเสริมทัพเข้ามาในยุคของ แกรม ซูเนสส์ โดยย้ายมาจากเรนเจอร์สเมื่อปี 1991 วอลเตอร์ส ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลไปทั้งหมด 124 เกม คว้าแชมป์เอฟเอคัพในปี 1992 รวมถึงลีกคัพในปี 1995 โดยมีช่วงที่ถูกปล่อยให้สโต๊ค ซิตี้ รวมถึงวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์สยืมตัวไปใช้งานด้วย

จากนั้นเขาตัดสินใจย้ายไปอยู่กับเซาแธมป์ตันด้วยสัญญาถาวรในปี 1996 ตามด้วยโยกไปเล่นให้สวินดอน ทาวน์ และปิดท้ายบริสตอล โรเวอร์ส กระทั่งแขวนสตั๊ดในปี 2002 ในปัจจุบันเขาหันไปทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่เมื่อปี 2021 เขาเคยร่วมจัดทำสารคดีกับ BBC เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของนักฟุตบอลผิวดำที่ค้าแข้งในสกอตแลนด์ โดยเปิดเผยประสบการณ์เรื่องการเหยียดผิวสมัยค้าแข้งกับเรนเจอร์ส

11.ไมเคิล โธมัส

จากนักเตะที่เคยยิงดับฝันลิเวอร์พูล และพาอาร์เซนอลคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 (เดิม) เมื่อปี 1989 แต่แล้วในอีก 2 ปีต่อมา เขาถูก แกรม ซูเนสส์ จ่ายเงิน 1.5 ล้านปอนด์ เพื่อซื้อตัวมาค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ และเขาเปลี่ยนสถานะตัวเองจากศัตรูของเหล่า เดอะ ค็อป กลายมาเป็นขวัญใจแฟนบอล จากการเป็นฮีโร่ยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ และพาทีมคว้าแชมป์เมื่อปี 1992 โธมัส ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลไปทั้งหมด 163 เกม โดยช่วงท้าย ๆ ก็ถูกปล่อยให้มิดเดิ้ลสโบรห์ยืมตัวไปใช้งานด้วย กระทั่งในปี 1998 ก็ตัดสินใจย้ายไปร่วมงานกับ แกรม ซูเนสส์ อีกครั้งที่เบนฟิก้าด้วยสัญญาถาวร ในปัจจุบันในวัย 55 ป๊ โธมัส กลับมาทำงานให้ลิเวอร์พูลให้ทีมเยาวชน โดยดูแลเด็กช่วงอายุ 10-14 ปี

12.ไมค์ ฮูเปอร์

ผู้รักษาประตูผมสีแดงเพลิง ถูกใส่ชื่อในฐานะตัวสำรอง และไม่ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาล 1992-1993 และฮูเปอร์ ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลช่วงปี 1985-1993 ไปทั้งหมด 71 เกม แต่บทบาทส่วนใหญ่ของเขาก็คือการรับบทเป็นตัวสำรองของทั้ง บรูซ กร็อบเบลาร์ รวมถึงดาวรุ่งอย่าง เดวิด เจมส์

จนกระทั่งในปี 1993 ก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และต่อมาก็ประกาศแขวนถุงมือในปี 1995 ส่วนชีวิตหลังเลิกเล่น มีข่าวว่าเขาเคยทำงานเป็นการ์ดเฝ้าประตูหน้าไนท์คลับ รวมถึงทำงานเป็นคงส่งพิซซ่าอีกด้วย

13.สตีฟ แม็คมานามาน

แม็คมานามาน ลงสนามเกมนั้น ในฐานะตัวสำรองของ เอียน รัช ช่วงก่อนเริ่มครึ่งหลัง ตำนานปีกสไปซ์บอยในยุค 90 ของ ลิเวอร์พูล ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ในยุคของ เคนนี ดัลกลิช เมื่อปี 1990

“แม็คก้า” เริ่มก้าวมาเป็นตัวหลักของสโมสรในยุคของ แกรม ซูเนสส์ และยืนระยะค้าแข้งกับทีมตลอดช่วงทศวรรษ 1990 โดยลงเล่นไปทั้งหมด 364 เกม คว้าแชมป์เอฟเอคัพในปี 1992 และลีกคัพในปี 1995 แต่แล้วในปี 1999 เขาตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับลิเวอร์พูล และเลือกย้ายไปอยู่กับเรอัล มาดริดแบบไม่มีค่าตัว ซึ่งก็ไปประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ลาลีกา รวมถึงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้วยละ 2 สมัย

จากนั้นในปี 2003 เขาเลือกกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งกลายเป็นสโมสรสุดท้ายก่อนจะปรพกาศแขวนสตั๊ดในปี 2005 ในปัจจุบัน แม็คมานามาน ทำงานเป็นคอมเมนเตเตอร์ให้กับช่อง BT Sport รวมถึงยังรับบทเป็นที่ปรึกษาให้ทีมเยาวชนของลิเวอร์พูลอีกด้วย

14.รอนนี โรเซนธาล

โรเซนธาล ลงสนามเกมนั้นในฐานะตัวสำรองของ มาร์ค วอลเตอร์ส ในช่วง 15 นาทีสุดท้าย และปีกดีกรีทีมชาติอิสราเอล ย้ายจาก สตองดาร์ ลีแอช มาอยู่กับลิเวอร์พูลแบบยืมตัวก่อนในปี 1990 กระทั่งถูกเซ็นสัญญาถาวรในเวลาต่อมาหลังจากนั้นไม่นาน

โรเซนธาล เข้ามาช่วยลิเวอร์พูลในช่วงท้ายฤดูกาล 1989-1990 ซึ่งเขาโชว์ฟอร์มร้อนแรงกดไป 7 ประตู จากการลงเล่น 8 เกม พาทีมคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 (เดิม) ได้สำเร็จ จากนั้นเขาสถิติลงเล่นให้ลิเวอร์พูลทั้งหมด 97 เกม ยิงได้ 22 ประตู ก่อนจะย้ายไปอยู่กับท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ในปี 1994 ตามด้วยวัตฟอร์ดในปี 1997 กระทั่งแขวนสตั๊ดในปี 1999 และปัจจุบันเขาและครอบครัวยังอาศัยอยู่ในอังกฤษ และทำงานให้กับบริษัทเอเยนต์นักฟุตบอล


สนใจสมัคร แทงบอล ได้ที่ Kingufa

สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่

ข้อมูลอ้างอิง : คลิกที่นี่