เป็นที่รู้กันว่ามหกรรมกีฬานั้น มันต้องสนุกสนาน ครื้นเครงกันทุก ๆ ปี แต่มหกรรม ฟุตบอลโลก 2022 ปีนี้กลับไม่ครื้นเครงอย่างที่เคยเป็นมา เป็นที่สงสัยกันว่าทำไม มหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากแค่กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนกำลังจะกลับมาอีกครั้งหลังห่างหายเป็นเวลานานกว่า 4 ปี

 

รวมสาเหตุที่ ฟุตบอลโลก 2022 ถึงไม่ครื้นเครงเหมือนทุก ๆ ปี

1.ฟุตบอลโลกในฤดูที่แตกต่าง

หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้ฟุตบอลโลกครั้งนี้ไม่อยู่ในกระแสที่พูดถึงเหมือนทุกครั้งมาจากระยะเวลาในการจัดการแข่งขัน

 

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ฟุตบอลโลกจะทำการแข่งขันในช่วงกลางปีซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ลีกฟุตบอลในยุโรปที่ต้องยอมรับว่าเป็นเสาหลักต้นใหญ่ของวงการลูกหนังโลกปิดพักการแข่งขันในฤดูกาลปกติ นักฟุตบอลที่แข่งให้ต้นสังกัดจนจบฤดูกาลแล้วก็จะมารายงานตัวกับทีมชาติเพื่อทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนของประเทศได้อย่างเต็มที่ไม่มีอะไรต้องพะวง

 

​แต่ฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ถูกย้ายเวลาจัดการแข่งขันมาเป็นช่วงฤดูหนาว หลังจากที่มีความกังวลในเรื่องของสภาพอากาศอันโหดร้ายของกาตาร์ในช่วงเดือนมิถุนายนที่อาจจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพของทั้งนักฟุตบอลหรือแม้แต่แฟนฟุตบอลจากทั่วโลก แม้ว่าเดิมทีเจ้าภาพจะมั่นใจกับการเนรมิต “สนามฟุตบอลติดแอร์” ว่าจะสามารถทำให้ฟุตบอลโลกเกิดขึ้นได้ตามปกติก็ตาม

 

​ฟีฟ่ายืนยันการเปลี่ยนเวลาแข่งขันมาเป็นฤดูหนาวในเดือนมีนาคม 2018 โดยให้เวลา 4 ปีสำหรับองค์กรลูกหนังต่าง ๆ ในการหาทางออกเรื่องการจัดโปรแกรมการแข่งขัน ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ฟุตบอลยุโรปจะต้องถูกพักการแข่งขันกลางฤดูกาลเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

 

2.ฟุตบอลโลกที่เสื่อมเสีย

​การเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกมักจะมาพร้อมกับความฉาวโฉ่เสมอ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการคอร์รัปชันงบประมาณเป็นส่วนใหญ่

 

​แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่เจ้าภาพฟุตบอลโลกจะถูกประณามจากทุกฝ่ายมากมายในระดับที่กาตาร์เผชิญตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา

 

​เริ่มจากเรื่องของการคอร์รัปชันในการได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกที่ถูกกล่าวหาพร้อมกับรัสเซีย (เจ้าภาพในปี 2018 ที่ได้รับเลือกในวันเดียวกัน) โดยศาลประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสอบสวนในเรื่องนี้เลยทีเดียว ซึ่งแม้ว่าจะไม่พบการกระทำผิด แต่คนอย่างเซปป์ แบลตเตอร์ อดีตประธานฟีฟ่าระบุว่า กาตาร์ใช้วิธีในการทำให้ได้รับคะแนนโหวตจากคณะกรรมการฟีฟ่าก็ถือว่าน่าสนใจ

 

​ขณะที่ในรายงานสืบสวนยังระบุว่า มีการจ้างอดีต CIA คอยสอดแนมข้อเสนอจากคู่แข่งและดูว่าคู่แข่งพยายามล็อบบี้ใครจนได้รับชัยชนะ เรียกได้ว่าฟุตบอลโลกที่กาตาร์นั้นถูกมองว่าไม่ขาวสะอาดตั้งแต่แรก

 

3.ฟุตบอลโลกบนรอยเลือด

แต่เรื่องใหญ่ที่สุดคือปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนของแรงงานที่ถูกเกณฑ์มาจากหลายประเทศเช่น เนปาล อินเดีย ปากีสถาน หรือเคนยา ซึ่งล้วนเป็นประเทศที่ยากจนเพื่อก่อสร้างทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฟุตบอลโลกครั้งนี้ แต่แรงงานเหล่านี้กลับไม่ได้รับการดูแลอย่างที่สมควรได้รับ

 

ตามรายงานพิเศษของ The Guardian สื่ออังกฤษ ระบุว่ามีแรงงานเสียชีวิตจากงานก่อสร้างโครงการฟุตบอลโลกมากกว่า 6,500 คน นอกจากนี้แรงงานยังได้รับการปฏิบัติที่เลวร้าย มีกฎหมาย “ผู้คุ้มครอง” ที่ทำให้แรงงานตกเป็นเบี้ยล่างของตัวแทนนายจ้าง และยังไม่ได้ค่าจ้างหรือครอบครัวของผู้สูญเสียยังไม่ได้รับเงินเยียวยาจากการเสียเสาหลักของครอบครัวด้วย

 

จนปัจจุบันยังไม่มี “ความยุติธรรม” กลับคืนมาให้แก่แรงงานเหล่านี้แต่อย่างใด ท่ามกลางการเรียกร้องจากทุกฝ่ายให้ฟีฟ่าทำอะไรสักอย่างเพื่อที่อย่างน้อยเช็ดรอยเลือดและคราบน้ำตาของคนที่อยู่เบื้องหลังสิ่งก่อสร้างที่สวยงามมากมายในกาตาร์

 

4.ฟุตบอลโลกที่แบ่งแยกผู้คน

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายในประเทศกาตาร์ที่ไม่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ LGBTQ+ ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ถึงแม้ว่าจากเจ้าภาพจะยืนยันว่ายินดีต้อนรับแฟนฟุตบอลทุกเพศจากทั่วโลก

 

​เรื่องนี้ก็สร้างความกังวลให้แก่แฟนฟุตบอลจำนวนมากที่ไม่กล้าเดินทางมาเยือนกาตาร์ เพราะไม่มีใครกล้ารับประกันได้ว่าเมื่อมาถึงแล้วพวกเขาจะต้องเผชิญกับอะไร จะมีใครรับประกันความปลอดภัยให้แก่พวกเขาได้หรือไม่ และจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาถูกจับกุมทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนอกจากแค่เป็นตัวของตัวเอง

 

ฟุตบอลโลกครั้งนี้จึงเป็นฟุตบอลโลกที่แบ่งแยกผู้คนจากกันทั้งที่ ๆ มันเป็นยุคสมัย Diversity แล้ว

 

​ยังไม่นับเรื่องค่าใช้จ่ายที่แพงระยับในการเดินทางไปกาตาร์ช่วงฟุตบอลโลก ที่พักที่ราคาสูงและมีไม่เพียงพอจนต้องมีการแก้ปัญหาด้วยการสร้างที่พักชั่วคราวในตู้คอนเทนเนอร์หรือโรงแรมกลางทะเลที่นำเรือสำราญมาแก้เกมซึ่งดูแล้วไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายเลยแม้แต่น้อย ยังเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่แฟนบอลทั่วโลกไม่อยากเดินทางไปกาตาร์สักเท่าไร​(หรือคนที่ไปก็ไม่แฮปปี้นักเพราะกฎหมายทำให้ใครอยากดื่มแอลกอฮอล์ต้องดื่มในสถานที่ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น!)

 

5.ฟุตบอลโลกที่ไร้ตัวตนในประเทศไทย

ในประเทศไทยเองยิ่งแล้วหนัก ฟุตบอลโลกครั้งนี้แทบจะเป็นฟุตบอลโลกที่ไร้ตัวตน ​ไม่มีคนพูดถึง ไม่มีใครสนใจ ไม่มีอะไรเลย ซึ่งแตกต่างจากบรรยากาศฟุตบอลโลกในอดีตที่เต็มไปด้วยสีสัน ความสนุกสนาน ความคึกคักจากบรรดากิจกรรมของแบรนด์ต่าง ๆ ทั้งที่เป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เช่น โค้ก แม็คโดนัลด์ การจัดกิจกรรมออนกราวด์นั่งดูฟุตบอลโลกไปด้วยกัน (ทั้ง ๆ ที่เวลาการแข่งในครั้งนี้ค่อนข้างดีมาก) หรือแบรนด์ต่าง ๆ ที่ขอเกาะกระแสการแข่งขันไปด้วยสารพัดไอเดียที่แข่งกันสุดฤทธิ์

 

สิ่งเหล่านี้แทบมองไม่เห็นในช่วงที่ผ่านมาหรือหากมีก็ไม่ได้รับการโหมกระแสเท่าที่ควร ซึ่งปัญหาใหญ่เกิดจากการที่ยังไม่มีใครรู้ว่าคนไทยจะได้ดูฟุตบอลโลกครั้งนี้หรือไม่?

 

ต้นตอที่ปฏิเสธไม่ได้คือกฎ “Must Have” ที่กลายเป็นอุปสรรคสำหรับภาคเอกชนที่จะลงทุนเพื่อซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด เพราะข้อกฎหมายที่ระบุว่าฟุตบอลโลกเป็น 1 ใน 7 ชนิดกีฬาที่คนไทยต้องได้ดูฟรีนั้นไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจ