ซัลวาตอเร สกิลลาชี

สุดยอดนักฟุตบอลที่เป็นฮีโร่ของ ทีมชาติอิตาลี ตำแหน่งกองหน้าผู้ทำ 7 ประตูให้อิตาลี ในฟุตบอลโลก 1990 พร้อมคว้ารองเท้าทองคำและลูกบอลทองคำไปครอง แม้เยอรมนีตะวันตกจะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1990 แต่ทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวเป็นของ ซัลวาตอเร สกิลลาชี อย่างแท้จริง

ทีมชาติเวลส์ กับรายชื่อ 26 นักเตะลุยฟุตบอลโลก 2022

เส้นทางนักฟุตบอลของ ซัลวาตอเร สกิลลาชี

“ผมรู้สึกเหมือนผมกำลังหลับอยู่” เขา เผยกับผู้สื่อข่าสวหลังทำประตูเบิกร่องในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ อิตาลี เอาชนะ อุรุกวัย “เพราะงั้น อย่าปลุกผมนะ ปล่อยให้ผมมีความสุขกับฝันครั้งนี้ต่อไป!” การพูดราวกับสิ่งที่เกิดตรงหน้าไม่ใช่ความจริงของ สกิลลาชี เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เด็กหนุ่มคนนี้มาจากพื้นเพที่ไม่ได้ร่ำรวยในปาแลร์โมที่เขาใช้ชีวิตการค้าแข้งส่วนใหญ่กับทีม เมสซินา ในลีกรองของอิตาล เขาเพิ่งได้ประเดิมสนามหนแรกในเซเรีย อา ในเดือนสิงหาคมก่อนหน้านั้น และได้เดบิวต์ให้กับทีมชาติเพียง 3 เดือนก่อนฟุตบอลโลกเปิดฉาก หลังจากติดทีมชาติ เขายอมรับแบบตรง ๆ ว่าแค่ได้นั่งสำรองตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ก็ทำให้เขามีความสุขมากแล้ว ในเวลานั้น สกิลลาชี เป็นกองหน้าตัวเลือกลำดับที่หกของ อิตาลี ต่อจาก จานลูก้า วิอัลลี, อันเดรีย คาร์เนวาเล, อัลโด เซเรนา, โรแบร์โต้ มันชินี และ โรแบร์โต้ บาจโจ้

อย่างไรก็ตาม หลังระเบิดฟอร์มในเกมระดับสโมสร กด 21 ประตูรวมทุกรายการในฤดูกาลแรกของเขากับ ยูเวนตุส  มีเพียงแค่ มาร์โก ฟาน บาสเทน (19 ประตู), โรแบร์โต้ บาจโจ้ (17 ประตู) และ ดิเอโก้ มาราโดนา (16 ประตู) ที่ทำประตูในเซเรีย อา ได้มากกว่า สกิลลาชี (15 ประตู) ในเซเรีย อา ฤดูกาล 1989/90 อย่างไรก็ตาม สกิลลาชี ได้เผยเอาไว้ว่า “แม้แต่คนบ้ายังไม่กล้าจินตนาการว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นกับผม นี่คือช่วงเวลาในชีวิตนักฟุตบอลที่คุณสามารถทำอะไรก็ได้” สกิลลาชี เผย “สำหรับผมแล้ว ช่วงเวลานั้นมันเกิดขึ้นใน ฟุตบอลโลก ใครบางคนข้างบนนั้นคงตัดสินใจเลือกผมให้กลายเป็นฮีโร่ของอิตาลียุค 90”

มันง่ายที่จะเข้าใจว่าทำไม สกิลลาชี ยังคงรู้สึกมีอะไรบางอย่างจากสวรรค์ที่บันดาลสิ่งน่าอัศจรรย์ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นเป็น อเซลิโอ วิซินี ที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ โค้ชทีมชาติอิตาลีสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการหนีบ สกิลลาชี ไปฟุตบอลโลก หลังจากได้ลงสนามให้ทีมชาติเพียงนัดเดียวเท่านั้น ในเกมอุ่นเครื่องกับ สวิตเซอร์แลนด์ แต่การตัดสินใจที่ส่งเขาลงมาเป็นสำรองในเกมนัดเปิดสนามฟุตบอลโลกกับ ออสเตรีย นั้นน่าตะลึงยิ่งกว่า ทางฝั่ง ออสเตรีย จะเล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่น ทำให้ วิซินี เลือกส่ง สกิลลาชี ลงไปแทน คาร์เนวาเล ก่อนหน้า โรแบร์โต้ บาจโจ้ และสกิลลาชี มีเวลา 15 นาทีในการปล่อยของ ซึ่งเขาใช้เวลาเพียงสามนาทีเท่านั้นในการพุ่งโหม่งลูกเปิดสุดสวยของ วิอัลลี เข้าประตู “ทุกอย่างมันบ้ามาก” สกิลลาชี เผยกับ Four Four Two แม้จะเป็นผู้ทำประตูชัย แต่เขาก็ยังต้องเป็นสำรองในเกมต่อมาที่ อิตาลี เอาชนะ สหรัฐอเมริกา ก่อนที่เขาจะได้ลงสนามอีกครั้งแทนที่ คาร์เนวาเล ซึ่งหลังจากเริ่มครึ่งหลังได้เพียง 6 นาทีเท่านั้น

เริ่มชัดเจนแล้วว่า สกิลลาชี กำลังจะได้รับโอกาสเป็นตัวจริง

ในเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่มที่จะกับ เชโกสโลวาเกีย และเขาใช้เวลาเพียง 9 นาทีในการทำประตูพร้อมเดินหน้าต่อไป เขากำลังเต็มไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม และจบลงด้วยการทำประตูได้อีกครั้งใส่ อุรุกวัย เขาเป็นผู้ทำประตูชัยใส่สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ทำให้ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้าทางเข้าไปเสียหมด หลังทำประตูได้จากการที่ แพต บอนเนอร์ ปัดบอลจากการยิงของ โรแบร์โต้ โดนาโดนี มาเข้าทางปืนของเขา ตามคำที่ว่าถ้าคนอยู่ถูกที่ถูกเวลา คนนั้นคือ สกิลาชีกับอิตาลีปี 90 และแน่นอนเขาทำมันได้อีกครั้งในการส่ง อิตาลี เข้ารอบรองชนะเลิศ การยิงระยะเผาขนของ สกิลลาชี ก็เพียงพอที่จะส่ง อิตาลี ขึ้นนำ อาร์เตนตินา ซึ่งในเวลานั้น อิตาลี ยังไม่เสียประตูในทัวร์นาเมนต์เลยแม้แต่ประตูเดียว

แต่ทว่า เคลาดิโอ คานิคเกีย มาทำประตูตีเสมอจากลูกเตะมุม ก่อนที่ทัพฟ้าขาวจะเป็นฝ่ายเอาชนะจากการดวลจุดโทษไป และสกิลลาชี สิ้นหวังสุดขีด เขาใช้เวลาสองชั่วโมงในห้องแต่งตัวร้องไห้และสูบบุรี่อยู่นานสองนาน ท้ายที่สุด เขาคว้ารางวัลรองเท้าทองคำหลังทำประตูจากจุดโทษท้ายเกมเอาชนะ อังกฤษ 2-1 ในเกมนัดชิงฯที่สาม และคว้ารางวัลลูกบอลทองคำไปครองอีกรางวัล แต่ทาง สกิลลาชี ยอมรบว่าเขายินดีจะแลกทั้งสองรางวัลส่วนตัวของเขาาเพื่อชูถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกกับเพื่อนร่วมทีม น่าเศร้าที่เราไม่เคยได้เห็น สกิลลาชี ลงเล่นในฟุตบอลระดับสูงอีกเลย

อันที่จริง เขายิงได้อีกหนึ่งประตูให้ อิตาลี ทว่าเขาไม่สามารถต่อยอดฟอร์มอันยอดเยี่ยมจากฤดูกาลแรกกับยูเวนตุสได้ ก่อนโดนปล่อยให้ อินเตอร์ ที่เขาทำผลงานได้ย่ำแย่ยิ่งกว่า ด้วยอาการบาดเจ็บและปัญหาส่วนตัว สกิลลาชี ยอมรับว่าเขาประสบปัญหาการรับมือกับชื่อเสียงที่เขาได้สร้างตำนานไว้ในฟุตบอลโลกปี 90 ทำให้เขาย้ายไปเล่นในญี่ปุ่นช่วงปลายอาชีพเพื่อหลบหนีความวุ่นวาย “ในจุดหนึ่งของชีวิต ผมเลือกหนีสปอร์ตไลต์แห่งวงการกีฬา” เขาเผยกับ จอร์โก ปูลิโต้ “ผมเลือกปิดกั้นตัวเอง ผมไม่ได้ต้องการจะทำอะไรอีกแล้วเพราะโดยปกติผมเป็นคนที่ขี้อายมาก ๆ หลังจากนั้น วันหนึ่งผมมองในกระจกและพบว่ามีบางคนที่คล้ายกับผม คนที่ทำสิ่งมีค่าในชีวิต คนที่เขียนบางอย่างในประวัติศาสตร์ฟุตบอล เขาไม่ควรปิดกั้นตัวเองเลย”

ดังนั้น สกิลลาชี เริ่มกลับมาใช้ชีวิตแบบคนมีชื่อเสียง เริ่มโชว์ตัวในช่องโทรทัศน์ เช่นเดียวกับเขียนหนังสืออัตชีวประวัติ ซึ่งเขาเผยว่าเขาเผชิญกับลัทธิแบ่งแยกดินแดนที่ทำให้เขาเจอช่วงเวลาที่ต่ำที่สุดหลังฟุตบอลโลก เขาก่อตั้งศูนย์การกีฬาในปาแลร์โมบ้านเกิดของเขาซึ่งเขาหวังว่าจะทำให้ชาวซิซิเลียบางคนเดินตามรอยเขาได้ ว่ากันตามตรงเมื่อ สกิลลาชี มองย้อนกลับไปในอาชีพการค้าแข้งของเขา มันไม่มีอะไรต้องเสียใจ มีแต่เรื่องน่ายินดีที่เขาได้ใช้ชีวิตราวอยู่ในความฝันตลอดทั้งซัมเมอร์ 1990 “แม้กระทั่งผมเดินทางไปต่างประเทศ ต้องขอบคุณฟุตบอลโลกครั้งนั้น ยังมีคนรู้จักผมอยู่”


สนใจสมัคร แทงบอล ได้ที่ Kingufa

สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่

ข้อมูลอ้างอิง : คลิกที่นี่