ประวัติ แมนยู

ประวัติ แมนยู เป็นสโมสรฟุตบอลตั้งอยู่ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในเกรเทอร์แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันแข่งขันใน พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ สโมสรมีฉายา ” ปีศาจแดง “ก่อตั้งในชื่อสโมสรฟุตบอลนิวตันฮีตแอลวายอาร์ใน ค.ศ. 1878 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ใน ค.ศ. 1902 และย้ายไปเล่นที่สนามเหย้าปัจจุบันอย่างโอลด์แทรฟฟอร์ดใน ค.ศ. 1910

อูเล กืนนาร์ ซูลชาร์ เพื่อนร่วมทีม แมนยูฯ นัดสุดท้าย ตอนนี้อยู่ที่ไหน

ประวัติ แมนยู ข้อมูลสโมสร

  • ชื่อเต็ม : Manchester United Football Club
  • ฉายา : ปีศาจแดง
  • ก่อตั้ง : ค.ศ. 1878
  • สนาม : โอลด์แทรฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์ (ความจุ: 76,765 ที่นั่ง)
  • ประธาน : โจเอล เกลเซอร์, อัฟราม เกลเซอร์

ผลงานและรางวัลแชมป์

ระดับประเทศ

  • ดิวิชันหนึ่ง/พรีเมียร์ลี 20 สมัย
  • ดิวิชันสองชนะเลิศ 2 สมัย
  • เอฟเอคัพ ชนะเลิศ 12 สมัย
  • อีเอฟแอลคัพ ชนะเลิศ 5 สมัย
  • เอฟเอแชริตีชีลด์/เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ ชนะเลิศ 21 สมัย

ระดับทวีปยุโรป

  • ยูโรเปียนคัพ/ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ชนะเลิศ 3 สมัย
  • ยูโรเปียนคัพวินเนอร์สคัพ ชนะเลิศ 1 สมัย
  • ยูฟ่ายูโรปาลีก ชนะเลิศ 1 สมัย
  • ยูโรเปียนซูเปอร์คัพ ชนะเลิศ 1 สมัย

ระดับโลก

  • อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ ชนะเลิศ 1 สมัย
  • ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ชนะเลิศ 1 สมัย

ดับเบิลและทริปเปิลแชมป์

ดับเบิลแชมป์

  • ลีกและเอฟเอคัพ 3 สมัย
  • ลีกและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 สมัย
  • ลีกและอีเอฟแอลคัพ 1 สมัย
  • อีเอฟแอลคัพและยูฟ่ายูโรปาลีก 1 สมัย

ทริปเปิลแชมป์

  • ลีก, เอฟเอคัพ และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย

ประวัติ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ช่วงแรก (1878–1945)

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1878 ในชื่อสโมสรฟุตบอลนิวตันฮีตแอลวายอาร์  โดยพนักงานแผนกตู้โดยสารและตู้สินค้าของโรงซ่อมบำรุงรถไฟแลงคาเชียร์และยอร์กเชียร์ที่นิวตันฮีต ในช่วงแรก ทีมแข่งขันกับแผนกและบริษัทรถไฟอื่น ๆ แต่เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1880 พวกเขาแข่งขันในนัดแรกที่มีการบันทึกไว้ โดยสวมเสื้อสีประจำบริษัทอย่างสีเขียวและสีทอง นัดนั้น พวกเขาพ่ายแพ้ต่อทีมสำรองของโบลตันวอนเดอเรอส์ ต่อมาใน ค.ศ. 1888 สโมสรกลายเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของเดอะคอมบิเนชัน ลีกฟุตบอลระดับภูมิภาค แต่หลังจากยุบลีกในช่วงเวลาผ่านไปเพียงฤดูกาลเดียว นิวตันฮีทเข้าร่วมฟุตบอลอัลไลแอนซ์ที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ โดยแข่งขันสามฤดูกาลก่อนที่ลีกจะถูกรวมเข้ากับฟุตบอลลีก ส่งผลให้สโมสรเริ่มต้นฤดูกาล 1892–1893 ในเฟิสต์ดิวิชัน ณ เวลานั้น พวกเขาแยกตัวออกจากบริษัทรถไฟและนำคำว่า “แอลวายอาร์” ออกจากชื่อ สองฤดูกาลถัดมา สโมสรตกชั้นสู่เซคันด์ดิวิชัน

ใน ค.ศ. 1922 ซึ่งมีการแข่งขันฟุตบอลใหม่มาแล้วสามปีหลังจากที่หยุดไปเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สโมสรตกชั้นสู่เซคันด์ดิวิชัน และได้เลื่อนชั้นอีกครั้งใน ค.ศ. 1925 พวกเขาตกชั้นอีกครั้งใน ค.ศ. 1931 ทำให้สโมสรจึง สโมสรจบอันดับที่ 20 ในเซคันด์ดิวิชันเมื่อ ค.ศ. 1934 นับเป็นอันดับต่ำที่สุดตลอดกาลสถานะการเงินของสโมสรย่ำแย่จนอาจล้มละลายหากไม่ได้เจมส์ ดับเบิลยู กิบสัน ผู้ซึ่งลงทุนเงิน 2,000 ปอนด์และเข้าควบคุมกิจการสโมสรในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1931 ต่อมาในฤดูกาล 1938–1939 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มีการแข่งขันฟุตบอลก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง สโมสรจบอันดับที่ 14 ในเฟิสต์ดิวิชัน

ยุคของบัสบี (1945–1969)

ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1945 การกลับมาแข่งขันฟุตบอลอีกครั้งทำให้มีการแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่ คือ แมตต์ บัสบี ผู้เรียกร้องอำนาจการคุมทีมสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งการเลือกผู้เล่น การซื้อขายผู้เล่น และการฝึกซ้อม บัสบีพาทีมจบอันดับที่สองในลีก ต่อมาใน ค.ศ. 1952 สโมสรชนะเลิศเฟิสต์ดิวิชันเป็นครั้งแรกในรอบ 41 ปี พวกเขายังชนะเลิศลีกสองสมัยติดต่อกันใน ค.ศ. 1956 – 1957 โดยผู้เล่นชุดนั้นมีอายุเฉลี่ยเพียง 22 ปี สื่อมวลชนได้ขนานนามทีมว่า “เดอะบัสบีเบปส์” เพื่อเป็นเกียรติแก่บัสบีที่ให้โอกาสผู้เล่นเยาวชนของเขาต่อมาใน ค.ศ. 1957 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกลายเป็นสโมสรแรกของอังกฤษที่เข้าร่วมแข่งขันยูโรเปียนคัพ แม้ว่าจะมีการคัดค้านจากฟุตบอลลีกซึ่งปฏิเสธการเข้าร่วมของเชลซี ยูโรเปียนคัพครั้งนั้น ยูไนเต็ดตกรอบรองชนะเลิศหลังจากที่แพ้เรอัลมาดริด โดยก่อนหน้านี้ พวกเขาเอาชนะอันเดอร์เลคต์ ทีมชนะเลิศลีกเบลเยียม ด้วยผลประตู 10–0 นับเป็นผลชนะสูงสุดตลอดกาลของสโมสร

บัสบีสร้างทีมขึ้นใหม่ในช่วงทศวรรษ 1960 โดยซื้อผู้เล่นอย่างเดนิส ลอว์และแพต เครแรนด์ ที่จะมาเล่นร่วมกันกับผู้เล่นดาวรุ่งหลายคนซึ่งรวมถึงจอร์จ เบสต์ พวกเขาชนะเลิศเอฟเอคัพได้ใน ค.ศ. 1963 ฤดูกาลถัดมา พวกเขาจบอันดับที่สองในลีก จากนั้นชนะเลิศลีกใน ค.ศ. 1965 และ 1967 ต่อมาใน ค.ศ. 1968 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกลายเป็นสโมสรแรกของอังกฤษ ที่ชนะเลิศยูโรเปียนคัพ โดยทีมชุดนั้นมีผู้เล่นที่ได้รางวัลผู้เล่นแห่งปีของยุโรป บัสบีลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมใน ค.ศ. 1969 และวิล์ฟ์ แมคควินเนสส์ ผู้ฝึกสอนทีมสำรองและอดีตผู้เล่นของสโมสร เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแทน

ช่วง1969–1986

เริ่มต้นฤดูกาล 1970 อย่างย่ำแย่ สโมสรเกลี้ยกล่อมให้บัสบีกลับมารับหน้าที่ผู้จัดการทีมชั่วคราว ส่วนแม็กกินเนสส์กลับไปเป็นผู้จัดการทีมสำรอง ในปี ค.ศ. 1971 แฟรงก์ โอแฟร์เรลล์เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมอยู่ในตำแหน่งได้ไม่ถึง 18 เดือน ทอมมี ดอเชอร์ตีก็เข้ารับตำแหน่งแทนช่วยให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดรอดจากการตกชั้นได้ในฤดูกาลนั้น ใน ค.ศ. 1974 ทีมก็ต้องตกชั้นไปแต่ภายในฤดูกาลเดียว ทีมเลื่อนชั้นกลับมายังเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับเซาแทมป์ตัน และสโมสรปลดดอเชอร์ตีออกจากตำแหน่งหลังมีข่าวเชิงชู้สาวกับภรรยาของนักกายภาพสโมสร

เดฟ เซ็กตันเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแทนดอเชอร์ตีในฤดูร้อนแม้ว่าเขาจะเซ็นสัญญาผู้เล่นหลายคนแต่ทีมก็ยังไม่สามารถประสบความสำเร็จ พวกเขาจบอันดับที่สองในฤดูกาล และแพ้อาร์เซนอลในเอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ สโมสรปลดเซ็กตันออกจากตำแหน่งแม้ว่าเขาจะพาทีมชนะเจ็ดนัดสุดท้ายของฤดูกาลก็ตาม สโมสรแต่งตั้งรอน แอตกินสันเป็นผู้จัดการทีมภายใต้การคุมทีมของแอตกินสัน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะเลิศเอฟเอคัพสองครั้งในช่วงสามต่อมาในฤดูกาล 1985–86 หลังจากชนะ 13 นัดและเสมอ 2 นัดใน 15 นัดแรกของฤดูกาล สโมสรมีความหวังที่จะชนะเลิศลีก แต่สุดท้ายต้องจบเพียงอันดับสี่เท่านั้น สโมสรอยู่ในอันดับที่สุ่มเสี่ยงต่อการตกชั้น ทำให้สโมสรปลดแอตกินสันออกจากตำแหน่ง

ยุคของเฟอร์กูสัน (1986–2013)

อเล็กซ์ เฟอร์กูสันและผู้ช่วยของเขา อาร์ชี น็อกซ์ ที่มาจากแอเบอร์ดีน เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมในวันเดียวกันกับที่แอตกินสันถูกปลดออกและพาสโมสรจบอันดับที่ 11 ในลีก แม้ว่าสโมสรจะจบอันดับที่ 2 ในฤดูกาล 1987–88 แต่ในฤดูกาลถัดมา สโมสรกลับไปจบอันดับที่ 11 เหมือนเดิม มีรายงานว่าเฟอร์กูสันจะถูกไล่ออก ก่อนที่ใน ค.ศ. 1990 สโมสรจะชนะเลิศเอฟเอคัพเหนือคริสตัลพาเลซในนัดชิงชนะเลิศที่แข่งใหม่ ทำให้เฟอร์กูสันได้ทำหน้าที่ต่อ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะเลิศยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพเป็นสมัยแรก ทำให้ได้เข้าร่วมแข่งขันยูฟ่าซูเปอร์คัพ ละสามารถเอาชนะเรดสตาร์ เบลเกรด ทีมชนะเลิศยูโรเปียนคัพใน ค.ศ. 1992 สโมสรเข้าชิงชนะเลิศลีกคัพเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน โดยทีมเอาชนะนอตทิงแฮมฟอเรสต์ ต่อมาใน ค.ศ. 1993 สโมสรชนะเลิศลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ค.ศ. 1967 และในปีถัดมา สโมสรชนะเลิศลีกสองสมัยติดต่อกันเป็นครั้งแรก ยูไนเต็ดกลายเป็นสโมสรแรกของอังกฤษที่คว้าดับเบิลแชมป์ได้สองครั้งหลังจากที่พวกเขาชนะเลิศทั้งสองรายการ

ในฤดูกาล 1998–99 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกลายเป็นสโมสรแรกที่ชนะเลิศพรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก หรือ “ทริปเปิลแชมป์” ได้ในฤดูกาลเดียวกันโดยในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 1999 ยูไนเต็ดตามหลังอยู่ 1–0 แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เท็ดดี เชอริงงัมและอูเลอ กึนนาร์ ซูลชาร์ ทำประตูแซงเอาชนะไบเอิร์นมิวนิกได้อย่างปาฏิหาริย์ ถือเป็นหนึ่งในการกลับมาเอาชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล สโมสรยังชนะเลิศอินเตอร์คอนติเนนตัลคัพหลังจากที่เอาชนะปัลเมย์รัส

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะเลิศลีกอีกครั้งในฤดูกาล 1999–2003 พวกเขาชนะเลิศเอฟเอคัพเป็นสมัยที่ 11 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด ต่อมาในฤดูกาล 2005 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบแพ้คัดออกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ กว่าทศวรรษ อย่างไรก็ตาม สโมสรสามารถจบอันดับที่สองในลีกและเอาชนะวีแกนแอทเลติกในฟุตบอลลีกคัพนัดชิงชนะเลิศ สโมสรชนะเลิศพรีเมียร์ลีกอีกครั้งในฤดูกาล 2006–07 และในฤดูกาลถัดมา สโมสรชนะเลิศลีกอังกฤษเป็นสมัยที่ 17 ก่อนที่จะคว้ายูโรเปียนดับเบิลแชมป์ด้วยการยิงลูกโทษเอาชนะเชลซี ค.ศ. 2008 สโมสรชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2008 และฟุตบอลลีกคัพ ฤดูกาล 2008–09 อีกทั้งยังชนะเลิศพรีเมียร์ลีกเป็นสมัยที่สามติดต่อกัน

ในฤดูกาล 2009–10 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกลับมาชนะเลิศลีกเป็นสมัยที่ 19 ได้ในฤดูกาล 2010–2011 หลังจากที่บุกไปเสมอกับแบล็กเบิร์นโรเวอส์ต่อมาสโมสรชนะเลิศลีกเป็นสมัยที่ 20 ในฤดูกาล 2012–2013 หลังจากที่เปิดบ้านเอาชนะแอสตันวิลลาด้วยผลประตู 3–0

2013–ปัจจุบัน

เฟอร์กูสันประกาศว่าเขาจะเกษียณจากตำแหน่งผู้จัดการทีมหลังจบฤดูกาล แต่จะยังคงเป็นผู้อำนวยการและทูตของสโมสรแวันถัดมา สโมสรประกาศว่า เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมของเอฟเวอร์ตัน จะรับหน้าที่ต่อจากเขา ด้วยสัญญาหกปี สิบเดือนถัดมาไรอัน กิกส์รับหน้าที่เป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีมชั่วคราวหลังจากที่มอยส์ถูกปลดออกเนื่องจากผลงานอันย่ำแย่ โดยสโมสรไม่สามารถป้องกันแชมป์ลีกและไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกอีกทั้งยังไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในยูโรปาลีก ถือเป็นครั้งแรกที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในการแข่งขันระดับทวีปยุโรปนับตั้งแต่ ค.ศ. 1990 และใน ค.ศ. 2014 มีการยืนยันว่าลูวี ฟัน คาลจะเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแทนมอยส์ด้วยสัญญาสามปี โดยมีกิกส์เป็นผู้ช่วย

ในฤดูกาลแรกของฟัน คาล แม้ว่าเขาจะพายูไนเต็ดกลับไปเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอีกครั้งจากการจบอันดับที่สี่ในลีก แต่ในฤดูกาลที่สองของเขา ยูไนเต็ดกลับตกรอบแบ่งกลุ่มอีกทั้งยังจบเพียงอันดับที่ห้า ไม่สามารถลุ้นแชมป์ลีกได้เป็นฤดูกาลที่สามติดต่อกัน แม้ว่าเขาจะเซ็นสัญญาผู้เล่นค่าตัวแพงเข้ามาก็ตาม ในฤดูกาลเดียวกัน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะเลิศเอฟเอคัพเป็นสมัยที่ 12 นับเป็นถ้วยรางวัลแรกของพวกเขานับตั้งแต่ ค.ศ. 2013 สโมสรกลับปลดฟัน คาล ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมในอีกสองวันต่อมาโดยโชเซ มูรีนโย เข้ารับตำแหน่งแทน ในฤดูกาลนั้น ยูไนเต็ดจบอันดับที่หกพร้อมกับชนะเลิศอีเอฟแอลคัพเป็นสมัยที่ห้า และชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีกเป็นสมัยแรก เช่นเดียวกับการชนะเลิศเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์เป็นสมัยที่ 21 ในนัดแรกที่มูรีนโยคุมทีม ฤดูกาลถัดมา ยูไนเต็ดจบอันดับที่สองในลีก นับเป็นอันดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ ค.ศ. 2013 ต่อมาในวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 2019 ซูลชาร์รับตำแหน่งผู้จัดการทีมถาวรด้วยสัญญาสามปี หลังจากทำผลงานอันยอดเยี่ยมด้วยการชนะ 14 จาก 19 นัดแรก อีกทั้งยังพลิกเอาชนะปารีแซ็ง-แฌร์แม็งในแชมเปียนส์ลีก

ค.ศ. 2021 ยูไนเต็ดเอาชนะเซาแทมป์ตันด้วยผลประตู 9–0 ถือเป็นสถิติร่วมในการชนะด้วยผลประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกแต่พวกเขาสิ้นสุดการแข่งขันในฤดูกาลด้วยตำแหน่งรองชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีก ภายหลังจากแพ้จุดโทษซึ่งเป็นการจบฤดูกาลโดยไม่สามารถคว้าถ้วยรางวัลใดมาครองได้เลย ต่อมา ในวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 2022 สโมสรได้ประกาศว่า เอริก เติน ฮัค จะเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมในฤดูกาล 2022–23 โดยเซ็นสัญญาไปถึง ค.ศ. 2025 พร้อมเงื่อนไขในการขยายสัญญาเพิ่มเติม


สนใจสมัคร แทงบอล ได้ที่ Kingufa

สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่

ข้อมูลอ้างอิง : คลิกที่นี่